ยาร้อน​-ยาเย็น​ ดูยังไง​ ในฉลากก็ไม่บอก???

ตอบกลับโพส
อ.บอล
โพสต์: 882
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 01 เม.ย. 2013 4:49 pm
ติดต่อ:

ยาร้อน​-ยาเย็น​ ดูยังไง​ ในฉลากก็ไม่บอก???

โพสต์ โดย อ.บอล » เสาร์ 07 ก.ย. 2019 8:09 pm

ยาร้อน​-ยาเย็น​ ดูยังไง​ ในฉลากก็ไม่บอก???

ยาร้อน​ เป็นภาษาชาวบ้าน​ พ่นยาไปแล้วทำให้พืชใบใหม้​ ดอกร่วง​ ถ้าเป็นภาษาวิชาการเรียก​ ความเป็นพิษ​ต่อพืช​ (Phytotoxicity)​
ทีนี้ความเป็นพิษต่อพืชของสารฆ่าแมลง​ มีปัจจัยที่เกี่ยวของอะไรบ้าง

1.​ สูตรของยา​ ยาสูตรEC เป็นสูตรทีมีส่วนผสมของน้ำมันเยอะกว่าสูตรอื่น​ จึงมีโอกาสเกิดพิษมากกว่าสูตรอื่น​ อีกสูตรคือ​ WP(ยาผง)​ เนื่องจากสูตรนี้สารออกฤทธิ์เป็นผงไม่ละลายน้ำ​ ใช้แค่หลักการแขวนลอยในน้ำ(นึกภาพเหมือนตะกอนโคลนในโอ่ง)​ เวลาเราฉีดยาถ้าฉีดเยอะน้ำยาจะไหลลงปลายใบ​ทำให้บริเวณปลายได้รับยาเข้มข้นมาก(ปลายใบใหม้ได้)​ ส่วนสูตรอื่นๆ​ปลอดภัยดีกว่า2สูตรนี้

2.​ ส่วนของสารออกฤทธิ์เอง(เนื้อยา)​ สารที่มีสูตรโครงสร้างมาจากกลุ่มเบนซอยยูเรีย​ เช่น​ ไดฟลูเบนซูรอน​ คลอร์ฟลูอาซูรอน​ โนวาลูรอน​ ลูเฟนนูรอน​ ฯลฯ​ กลุ่มนี้ถ้าใช้อัตราสูงอาจเป็นพิษกับพืชช่วงออกดอก​ ติดผล​ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีไขหรือมีนวลผิว

3.​ อัตราความเข้มข้น​ ถ้าหากใช้ยาหลายตัวความเข้นข้นสูงเกินกว่าพืชจะรับได้​ พืชก็แสดงอาการเกิดพิษได้

4.​ ความถี่ในการพ่น​ พ่นยาถี่เกินไป​ สารเคมีจัดเป็นสิ่งแปลกปลอมของพืช​ เมื่อพืชได้รับเข้าไป​ จะมีการขับออกมาทางปากใบ(พร้อมการคายน้ำ)​ จะนานกี่วันขึ้นอยู่กับค่าครึ่งชีวิตของสารนั้น​ รวมถึงสภาพแวดล้อม(แสงแดด​ น้ำฝน​ หรือการให้น้ำ)​ ถ้าพืชยังขับสารเก่าออกมาไม่หมดแต่เราพ่นซ้ำเติมสารเข้าไปเพิ่ม​ ก็เกิดพิษได้

5. ช่วงอายุของพืช​ ช่วงวิกฤติของพืชคือ​ ช่วงออกดอก​ ติดผลอ่อน​ (ข้าวช่วงตั้งท้องออกรวง)​ ช่วงแล้งพืชขาดน้ำ​ การพ่นยาบางตัวช่วงนี้อาจเกิดการเป็นพิษได้

6.​ การผสมสารหลายชนิดเกินไป​ การผสมสารหลายชนิดอาจทำให้เกิดพิษกับพืชได้​ เช่น​ การผสมสารกำมะถัน(ซัลเฟอร์ : S เป็นธาตุที่มีคุณสมบัติร้อน​ ใช้ทำดินปืนไง)​ หรือ​ สารเคมีกลุ่มออแกโนฟอสเฟตที่มีองค์ประกอบของซัลเฟอร์​ เช่น​ ไดเมโทเอต โอเมโธเอต​ เฟนโธเอต​ โปรฟีโนฟอส คลอร์ไพริฟอส​ ไตรอะโซฟอส​ เป็นต้น​สารกลุ่มออแกโนฟอสเฟต​ กับพวก​ ไวท์ออย ปิโตรเลียมออยด์ ทำให้เกิดพิษได้​ หรือการผสมสารสูตรEC ถ้าผสมกันหลายตัว​ ก็อาจทำให้เกิดพิษได้

7. สภาพแวดล้อมขณะพ่น​ เช่น​ พ่นตอนแดดจัดอากาศร้อน​ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดพิษกับพืชได้(ตอนแดดจัดอากาศร้อนพืชจะคายน้ำเยอะเพื่อรักษาอุณหภูมิในใบ​ ไม่ให้ร้อนเกิน(เหมือนคนเหงื่อออกเพื่อระบายความร้อน)​ ให้ให้พืชใบเหี่ยว​ พอได้รับสารเคมีเข้าไป​ น้ำในใบพืชน้อยทำให้ยาเข้มข้นกว่าช่วงที่พืชไม่เหี่ยว​ จึงเกิดความเป็นพิษได้

จะเห็นได้ว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้สารเคมีที่เราพ่น​ มีความเป็นพิษต่อพืช​ เพราะฉะนั้น​ การจะไปถามหายาร้อน​ ยาเย็น​ จากร้านขายเคมีเกษตร​ บางทีเขาบอกเป็นยาเย็นแต่เอามาฉีดแล้วพืชใบใหม้ อันนี้ต้องพิจารณาจากองค์ประกอบทั้งเจ็ดข้อที่กล่าวมาด้วย​ ทางร้านเองถ้าจะขายยาที่มีความเสี่ยง​ว่าเป็นยาร้อน​(ตามข้อ1และ2)​ ควรจะสอบถามข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตด้วย​ เพราะตัวทำละลายหรือEC ของแต่ละบริษัทอาจจะมีคุณภาพแตกต่างกัน​ น่าจะมีหลายเกรดนะ​ หรือ​ ทางบริษัทผู้ผลิตเอง​ ควรจะให้ข้อมูลการใช้ในแต่ละพืชแก่ร้านค้า​ด้วย​ เนื่องจากแต่ละพืชมีความทนทานไม่เท่ากัน​ เพราะว่าฉลากยาส่วนใหญ่จะบอกไว้แค่พืชชนิดเดียว​
*** สำหรับชาวนา​ ข้าวเป็นพืชไร่​ ค่อนข้างจะทน​ กว่าพืชสวน​ ไม้ดอก​ พืชผัก​ ค่อนข้างเยอะ​ แต่ถ้าเทียบกันของแต่ละพันธุ์​ จะให้ข้อสังเกตุไว้หน่อย​ เช่น​ พันธุ์ที่ใบใหญ่อย่าง​ กข49 ใบใหม้ง่ายกว่าพันธุ์อื่นนะ

ส่วนยาที่คนฉีดบอกร้อน​ แสบ​ ผิวหนัง​จะเป็นยาน๊อค กลุ่ม​ไพรีทรอยด์​(กลุ่ม3)​ซึ่ง​ จะมี​สารอยู่ตัวนึงชื่อ​ ไซยาโนกรุ๊ป​เป็นองค์ประกอบอยู่​ เจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้ผิวหนังเราแสบ​ ร้อน ซึ่งบางคนเอาไปโยงว่าเป็นยาร้อนร้อนผิวคน​ กับร้อนพืชไม่เหมือนกันนะ​(ยาน๊อค​ ที่ไม่มี​ไซยาโน​ กรุ๊ป​คือ​ ไบเฟนทริน​ ไม่ร้อน​ แสบผิว)
แนบไฟล์
65310106_111461050135065_1559157494490595328_n.jpg
รับผลิตสินค้า อาหารเสริมพืช สั่งผลิตตราตัวเองขั้นต่ำ 1 ลัง ออกแบบแบรนด์ ออกแบบฉลาก ส่งวิเคราะห์ขึ้นทะเบียน ถูกต้อง ขายสบายใจทำตลาดของตัวเอง รับประกันสินค้า มีหลากหลายเกรดให้เลือก สอบถามโทร 0897522999 0815502458 ครับ
http://www.pnpandbest.com

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “รวมเนื้อหา สาระน่ารู้ เกี่ยวกับฮอร์โมนพืช”

ผู้ใช้งานขณะนี้

สมาชิกกำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และบุคลทั่วไป 1