น้ำยาง
น้ำยางเกิดขึ้นได้อย่างไร ไหลและหยุดได้อย่างไร
น้ำยาง (Latex)
น้ำยาง เป็นของเหลวสีขาวถึงขาวปนเหลือง ขุ่นข้นอยู่ในท่อน้ำยางซึ่งเรียงตัวกันอยู่ในเปลือกของต้นยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปลือกด้านในซึ่งอยู่กับเยื่อเจริญ การเอาน้ำยางออกจากต้นยางจะต้องทำให้ท่อน้ำยางขาดออกจากกัน ในน้ำยางจะมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเนื้อยางและส่วนที่ไม่ใช่ยาง ตามปกติในน้ำยางจะมีเนื้อยางแห้งประมาณ 25-45% เนื้อยางแห้งนี้เองเป็นวัสดุมหัศจรรย์ที่มนุษย์นำไปใช้ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต จนกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการสำหรับชีวิตประจำวันของสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน
น้ำยางมีความหนาแน่น 0.975-0.980 กรัม/มิลลิลิตร มี pH ประมาณ 6.5-7.0 อนุภาคยางมีรูปร่างกลมหรือรูปลูกแพร์ ขนาด 0.05-5 ไมครอน มีอนุภาคต่างๆ แขวนลอยอยู่ในของเหลว อนุภาคเหล่านี้มีประจุเป็นลบ ผลักกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้อนุภาคเหล่านั้นแขวนลอยและคงสภาพเป็นน้ำยางอยู่ได้ จนกว่าจะมีสภาพแวดล้อมและปัจจัยต่างๆ มารบกวน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะทำให้น้ำยางเสียเสถียรสภาพและจับตัวกันเป็นก้อน
น้ำยางประกอบด้วย
ปริมาณของแข็งทั้งหมด 22-48%
ปริมาณเนื้อยางแห้ง 20-45%
สารจำพวกโปรตีน 1.5%
สารพวกเรซิน 2.0%
คาร์โบไฮเดรต 1.0%
สารอนินทรีย์ 0.5%
ในส่วนประกอบของน้ำยางสามารถแบ่งเป็นส่วนสำคัญๆ 2 ส่วนคือ
1. ส่วนที่เป็นเนื้อยาง ประมาณ 35% ในเนื้อยางแห้ง (dry rubber content) ประกอบด้วย
ยาง (hydrocabon) 86%
น้ำ (กระจายอยู่ใน hydrocabon) 10%
สารพวกไขมัน 3%
สารพวกโปรตีน 1%
2. ส่วนที่ไม่ใช่ยาง ประมาณ 65% ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน
ส่วนที่เป็นน้ำ หรือที่เรียกว่า ซีรัม (serum)
ส่วนของลูตอยด์และสารอื่น หรือที่เรียกว่า อนุภาค เฟรวิสลิ่ง (frey wyssling)
ส่วนที่ไม่ใช่ยางนี้ประกอบด้วย
ส่วนที่เป็นน้ำ ประมาณ 55%
ส่วนของลูตอยด์ (Lutoid) และสารอื่นๆ ประมาณ 10%
การเกิดน้ำยาง
สารตั้งต้นของการสังเคราะห์อนุภาคยางคือ น้ำตาลซูโครส (Sucrose) ซึ่งต้นยางเก็บไว้ที่ใบ อันเปรียบได้กับโกดังอาหารดิบที่ยังไม่ได้ปรุงแต่ง ต่อเมื่อต้นยางต้องการพลังงานเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ก็จะมีการเคลื่อนย้ายน้ำตาลซูโครสจากใบเข้าสู่ภายในเซลสังเคราะห์ยาง โดยผ่านพลาสมาเลมม่า (Plasmmalemma) น้ำตาลซูโครสจากใบยางที่เคลื่อนย้ายเข้าสู่เซลสังเคราะห์ยางนั้น ต้องอาศัยการเหนี่ยวนำโปรตอน (H+) โดยอาศัยเอนไซม์เพื่อเปลี่ยนน้ำตาลซูโครสเป็นอินทรีย์โมเลกุลต่างๆ ที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์จนได้น้ำยางออกมา
ที่อยู่ของน้ำยาง
น้ำยางอยู่ภายในท่อน้ำยาง ซึ่งเกิดจากการแบ่งตัวของเยื่อเจริญ โดยที่กลุ่มเซลล์ชนิดเดียวกันมาเชื่อมต่อกัน แล้วผนังเซลล์หัวท้ายสลายตัว อาจเพียงบางส่วนหรือสลายตัวหมด กลายเป็นท่อเดียวกัน แล้วแตกสาขาและยังเชื่อมต่อกับเซลล์ชนิดเดียวกันที่อยู่ข้างเคียง โดยการสลายตัวของผนังเซลล์ด้านข้าง เกิดเป็นช่องเปิดติดต่อกันได้ ทำให้มีลักษณะคล้ายร่างแห
ลักษณะของท่อน้ำยาง
เมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ธรรมดาพบว่า ถ้าตัดเปลือกยางออกทางด้านตัดตามขวาง จะเห็นท่อน้ำยางตรงบริเวณหน้าตัด มีลักษณะกลมเรียงตัวกันเป็นวงรอบลำต้น ท่อน้ำยางมีเฉพาะภายในส่วนที่เป็นเปลือกของต้นยาง ซึ่งเปลือกของต้นยางนี้แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ตามลักษณะของเนื้อเยื่อและการเกิดของ stone cell ในเปลือกยาง
1. เปลือกชั้นในสุด (soft bark zone) อยู่บริเวณที่ติดกับเยื่อเจริญหรือใกล้กับเนื้อไม้ เป็นเนื้อเยื่อและท่อน้ำยางที่สร้างขึ้นใหม่ จึงเป็นชั้นที่มีจำนวนวงท่อน้ำยางหนาแน่นและและสมบูรณ์ที่สุด เพราะฉะนั้นผลผลิตสูงสุดของต้นยางแต่ละต้นจะอยู่ที่บริเวณนี้ แต่ความหนาแน่นของเปลือกยางชั้นนี้ค่อนข้างบางคือ ประมาณ 20-30% ของความหนาของเปลือกทั้งหมดเท่านั้น และจะไม่มี stone cell เลย จึงทำให้เนื้อเยื่อชั้นนี้ค่อนข้างอ่อนนุ่ม
2. เปลือกชั้นนอก (hard bark) อยู่ถัดจากเปลือกชั้นในสุดออกมาทางด้านนอก เป็นชั้นที่เยื่อเจริญสร้างขึ้นก่อนแล้วถูกดันออกมาด้านนอกเมื่อมีการสร้างเนื้อเยื่อเจริญใหม่ขึ้นมาแทนที่ ในชั้นนี้จะมี stone cell เกิดขึ้น ซึ่ง stone cell เหล่านี้จะทำให้เปลือกยางแข็ง ท่อน้ำยางไม่สมบูรณ์ ขาดเป็นช่วงๆ
แหล่งที่มา ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรการ จ.หนองคาย